|
| |||
|
| |||
|
| |||
|
| |||
|
| |||
|
| | ||
|
| |||
|
| |||
|
| |||
|
|
.........................................<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>.....................................
แอนดริว พระเอกแดนสนธยา | |
โดย มติชน วัน อาทิตย์ ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2549 08:51 น. |
เสือ ยิ้มยาก…พระเอกเรื่องมาก…หนุ่มลึกลับ… ดาราผู้มีโลกส่วนตัวสูง…มองดูหยิ่ง…. ดังแล้วนิ่ง ฯลฯ อีกจิปาถะที่เป็นคุณสมบัติที่ ใครหลายต่อหลายคนมองพระเอกหนุ่ม แอนดริว เกร้กสัน" แต่พอได้สัมผัสตัวตนผ่านจากคำบอกเล่าของเขา คุณสมบัติต่างๆ ที่หลายคนมองถูกทำลายไปพลัน เพราะการสนทนาในครั้งนี้ มีคำตอบว่าทำไมหลาย คนถึงมองเขาเช่นนั้น หน้าออกฝรั่งอย่างนี้ เกิดที่ไหน? แอนดริว - ผมเกิดที่กรุงเทพฯ บ้านอยู่ย่านสุขุมวิท พ่อเป็นชาวอังกฤษ แม่เป็นคนไทย แม่จะเลี้ยงแบบไทย ส่วนพ่อจะเลี้ยงแบบฝรั่ง ผมเลยได้อย่างละครึ่ง ผมพูดภาษาอังกฤษเป็นก่อนภาษาไทย แต่ด้วยความที่เรียนโรงเรียนไทย มีเพื่อนเป็นคนไทยหมด จะได้คุยภาษาอังกฤษก็แค่กับพ่อและเพื่อนพ่อ สุดท้ายก็เลยหนักพูดภาษาไทย ผมมีพี่ชายอีกคน อายุห่างกันปีเดียว ส่วนใหญ่จะทะเลาะกันตามประสา พี่ชายน้องชายในวัยเด็ก พี่กับแอนดริวใครหล่อกว่ากัน? แอนดริว - (หัวเราะ) ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองหล่อเลย ส่วนพี่ชายจะหล่อกว่ามั้ย คงแล้วแต่คนชอบ ทุกวันนี้พี่ชายก็ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ยังใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย ซึ่งผมอยากให้เค้าไปอยู่กับพ่อแม่ ที่อังกฤษมากกว่า ตั้งแต่เข้าวงการมา ไม่ค่อยเห็นพูดถึงครอบครัวเท่าไหร่? แอนดริว - ใช่ ครับ เพราะผมอยากให้เค้าอยู่กันสงบๆ สบายๆ ผมไม่รู้ว่าผมเป็นตัวหนักใจหรือเปล่า มันเหมือนกับว่าถึง ลูกจะโตยังไงพ่อแม่ก็ยังไม่เลิกห่วง ซึ่งก็เป็นธรรมดา และเราเป็นลูกคนเล็ก ผมชอบคิดเสมอว่า เราจะเกเรยังไง ก็ยังมีพี่อยู่ พูดง่ายๆ คืออย่าตั้งความหวังไว้ที่เรา ยังมีพี่ชาย ยังมีคนให้ชื่นใจอยู่นะ ทั้งที่เราเองก็ไม่ได้ทำตัวเละเทะ แต่ชอบคิดอย่างนั้น ตัวผมเองมาอยู่ข้างนอกเอง และคิดว่าพ่อแม่ก็ไม่ได้ต้องการเงินจากลูกมาเลี้ยง เพียงแต่ว่าความรักเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงออกต่อกัน ก็ทำให้รู้แล้วว่าเรารักพ่อแม่ และพ่อแม่รักเรา ผมคิดว่าตรงนี้ที่สำคัญกว่า ตอนเด็กๆ ซนมั้ย? แอนดริว - ผม เป็นยุคแรกๆ ที่ลูกครึ่งเป็นความแปลก โดนล้อบ้างนิดหน่อย แถมมีความซนที่ชนิดไปโรงเรียน กลับมาบ้านทีไรเสื้อขาวมักจะเลอะ ความซนที่มีไม่ถึงกับ เป็นหัวโจก แต่อาจจะเป็นเพราะตัวผมใหญ่เลย กลายเป็นหนึ่งในตัวนำ มีแววเป็นดาราตอนไหน? แอนดริว - แม่ เล่าให้ฟังว่าเด็กๆ ผมเคยถ่ายโฆษณา ยาสำหรับเด็ก และพอโตมาก็มีเรียกไปเทสต์หน้ากล้อง แต่ด้วยความที่เป็นเด็กขี้อาย ไปเทสต์แล้วไม่ได้เรื่อง แต่สุดท้ายก็มาได้ทำตอนโตอายุ 13 เรียนอยู่ ร.ร.ปทุมคงคา หัวเกรียนๆ เลิกเรียนก็ไปเล่นเกมอยู่ตามร้าน มีโมเดลลิ่งเทียวมาติดต่อขอเบอร์โทรศัพท์ ที่ยอมให้เบอร์เพราะฝันพร่ำไปเรื่อยกับเพื่อน ว่าจะโด่งจะดัง หลังจากนั้นเค้าก็ติดต่อไปเทสต์ งานแล้วได้ถ่ายโฆษณาฮานามิ จากนั้นก็ได้งาน โฆษณามาเรื่อยๆ เงินที่ได้จากงานถ่ายแบบโฆษณา ก็ให้แม่เก็บ และขอบางส่วนไว้ใช้ แล้วเข้าวงการเต็มตัวได้อย่างไร? แอนดริว - พอ ดีพี่พจน์ อานนท์ มาถ่ายรายการ 4+1 ถึงจะเท่" ที่โรงเรียน ซึ่งตอนนั้นพี่พจน์ดังมาก ตอน ที่เค้ามารุ่นพี่หลายคนแต่งตัวกันหล่อรอกันเต็มเลย กะว่าต้องเข้าตากันบ้างล่ะ แต่โดนที่ผม ทั้งที่ตอนนั้น ที่เจอกับพี่พจน์ผมกำลังยืนกินโดนัทเต็มปากอยู่เลย จากนั้นก็เริ่มถ่ายแบบ และเล่นหนังเรื่องแรก กองร้อย 501 ริมแดง" ได้เจอพี่บิลลี่ โอแกน ซึ่งเป็นแรงจูงใจสำหรับผมในการเล่นหนัง แล้วก็มีละครเรื่องแรก เมื่อหมอกสลาย" เล่นแทน จอห์น ดีแลน" ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท เพราะด้วยความที่พื้นเพ ชีวิตเหมือนกัน พ่อเป็นคนอังกฤษ แม่เป็นคนไทย เป็นลูกครึ่งเหมือนกัน อายุไล่ๆ กัน โตมาคล้ายๆ กัน เป็นนายแบบด้วยกัน มีปัญหาหลายๆ อย่างคล้ายๆ กัน จอห์นเป็นคนที่เหมือนตัวเองเป๊ะๆ สนิทกันขนาดนี้ แสดงว่าการจากไปของ จอห์น" มีผลต่อตัวเองมาก? แอนดริว - ความรู้สึกตอนนั้น ไม่เค้าหรือผมคนใดคนหนึ่ง ต้องไป ถ้าเค้าไม่ไป ผมก็ต้องไป ซึ่งผมคิดว่าคนที่ไปควร จะเป็นผมมากกว่า ละครเรื่องที่จอห์นเล่น พี่ตุ๊กตา-จิตรลดา (ดิษยนันทน์) ติดต่อผมเล่นก่อน ซึ่งก่อนหน้าก็เคยติดต่อมา 2-3 เรื่อง แต่เรื่องนี้พี่เค้าพูดกับเราดีจนผมลำบากใจ และตอนนั้นผมยังติดเล่นหนังอยู่ เลยบอกกับพี่ตุ๊กตาว่า ผมขอยังไม่เล่นได้มั้ย และผมก็ไปขอให้จอห์นมาเล่นละคร เรื่องนี้แทน และจอห์นก็เล่น ละครก็ดัง และมันก็ตาย ผมมีความรู้สึกว่าถ้ามันไม่เล่นมันคงไม่ตาย (น้ำเสียงเครือ) นับจากช่วงเวลานั้นผ่านไป เหมือนเปลี่ยนจาก คนที่สดใส กลายเป็นคนที่มีมุมส่วนตัว? แอนดริว - คงไม่ใช่ว่าเปลี่ยนไปเยอะ แต่ด้วยความที่เรา เสียเพื่อนไป และเมื่อนานวันเข้า ผมเองก็จริงจังกับงาน มากขึ้น เมื่อเล่นละครเยอะขึ้น เริ่มรู้สึกว่าอยากทำให้ดีกว่านี้ ไม่รู้วิธีจัดการ จนมารู้จักกับพี่แดง-ธัญญา(วชิรบรรจง) ตอนที่เล่นละครช่อง 3 ด้วยกัน พี่แดงก็แนะนำให้รู้จัก พี่อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ ก็ได้คุยกันเรื่องการแสดง เรื่องงาน ทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วที่ผ่านมาเราผิดทางกับการทำงาน อะไรที่ไม่เข้าใจก็จะช่วยอธิบายให้ฟัง พอมีคนแนะนำ ชี้ทาง เราเลยเริ่มรู้ว่าการทำงานเราควรเป็นยังไง แต่เรา ก็ไม่มีประสบการณ์เท่าพี่เค้า เราเลยต้องพยายามให้มาก ช่วงนี้ดูเหมือนห่างๆ พี่แดง-พี่อ๊อฟ? แอนดริว - คง เพราะด้วยงาน เพราะพี่เค้าก็ทำงานของเค้า เราก็ไม่อยากจะก้าวเข้าไป ก็เลยห่างกัน แต่ยังคงคุยกัน วันหนึ่งข้างหน้าถ้าอะไรมันลงตัวก็คงโคจรมาร่วมงานกัน เพราะวงการนี้มันไม่ได้กว้างมาก อยู่วงการร่วม 15 ปี คิดว่าตัวเอง สิ่งรอบข้าง ช่วงวัย ทัศนะความคิด เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร? แอนดริว - เมื่อ ก่อนผมไม่รู้ว่าโตขึ้นเราจะเป็นอะไร และไม่ได้คิดว่าจะได้อยู่วงการจนทุกวันนี้ แต่ก็เหมือน ชีวิตถูกจัดเตรียมไว้ ซึ่งผมเป็นคนทำอะไรค่อนข้างจริงจัง ซีเรียสกับงาน นั้นคงเป็นส่วนหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเอง ยังเหมือนเดิม และรู้สึกว่าตัวเองหัวแข็ง ทุกวันนี้ก็ ยังหัวแข็ง ซึ่งเป็นการหัวแข็งกับตัวเอง มันเป็นนิสัยตั้งแต่เด็ก แต่ก่อนจะเห็นรอยยิ้มของแอนดริวบ่อย แต่ ปัจจุบันเห็นแต่สีหน้าเรียบเฉย? แอนดริว - ยอม รับว่าจริง เป็น ถ้าพูดง่ายๆ คงจะเป็น เพราะช่วงวัย จากเด็ก เราโตขึ้นมีเรื่องชีวิตมากขึ้น เริ่มซีเรียสกับชีวิตมากขึ้น จริงจังกับงาน ซึ่งผมเองก็ ไม่อยากพูดอะไรมาก คิดว่าแค่นี้คงชัดเจน จริงมั้ยที่ว่ายิ่งโตยิ่งลึกลับ? แอนดริว - อาจ จะไม่ค่อยมีใครได้เจอผม หรือมี ข่าวอย่างที่คนอื่นเค้ามี เลยดูลึกลับ และส่วนหนึ่งผม ไม่ค่อยชอบเอาเรื่องทางบ้านเข้ามาเกี่ยวข้องกับเบื้อง หน้าของ ผม ซึ่งผมอยากให้เบื้องหลังของผมเค้าอยู่กัน อย่างมีความสุขสงบของเค้าต่อไป ถูกโจษขานว่าเป็นพระเอกเรื่องมาก? แอนดริว - ก็คงแล้วแต่จะมอง เพราะเราคงจะไปแก้ ความคิดคนอื่นไม่ได้ ต่อจากนี้วางแผนงานแสดงไว้อย่างไรบ้าง? แอนดริว - ก็ไม่ได้วางแผนอะไรไว้เยอะ ณ เวลานั้น เราสะดวกแบบไหน ซึ่งมีปัจจัยหลายๆ อย่างมาประกอบ ทั้งเรื่องบท เรื่องคิว อื่นๆ อีกสารพัดในเวลานั้น เลย ทำให้เป็นแบบอย่างที่ผมเป็นอยู่ทุกวันนี้ แล้วเรื่องความรักล่ะ? แอนดริว - ด้วยอาชีพของการเป็นนักแสดง อยู่ในวงการนี้ เวลาไม่ได้มีเหมือนคนทำงานประจำ คงจะหาคนที่มีเวลา เจอกันลำบาก นอกจากคนในอาชีพเดียวกัน ซึ่งตอนนี้ผมยังไม่มี สิ่งที่ไม่ได้ถามแล้วอยากพูดถึง? แอนดริว - ขอขอบคุณแฟนละครที่ยังเหนียวแน่นและ ติดตามผลงานของผมทั้งที่ผมหายไปนาน ขอบคุณครับ สุดยอดมาก แม้จะมีมุมส่วนตัวจนดูลึกลับ จับต้องไม่ถึง แต่ แอนดริว" ก็ยังมีอีกหลายมุมให้ได้สัมผัส อุปสรรคคืองานที่ต้องเผชิญ ทั้ง ที่ยังเป็นพระเอกเนื้อหอม แต่ แอนดริว เกร้กสัน" ขอก้าวข้ามมาลุยงานผู้จัด โดยตั้งบริษัท มานา โปรดักชั่น จำกัด ผลิตผลงานละครเรื่องแรก สะดุดรัก ป้อนช่อง 3 เจ้าตัวเปิดใจถึงปัจจัยที่ทำให้เลือกมาสู่อาชีพผู้จัดว่า เป็นเพราะมีเรื่องอยากทำ ก็เลยลองคุยกับผู้ใหญ่ โชคดีที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส ต้องขอขอบคุณพี่ยุ้ย(อรอุมา มาลีนนท์) กับคุณอัมพร(มาลีนนท์) ที่ให้โอกาส ถูก มองว่าสนิทกับ คุณยุ้ย" ลูกนายประวิทย์ บอสช่อง 3 เลยได้รับสิทธิ์พิเศษ แอนดริวแจง คงไม่ถึงขนาดที่ว่าได้รับ สิทธิ์พิเศษกว่าใคร เพราะในแง่การลงทุน ถ้าเค้าไม่มั่นใจเค้าคง ไม่มาเสี่ยงกับอะไรที่เค้าไม่เห็นทางเลย ผมคิดว่างานที่ผมไป เสนอก็มีดีอยู่ประมาณนึง เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของการขายฝัน ขายความคิด เค้าเองคงมั่นใจเราในระดับหนึ่งว่าน่าจะทำงาน ที่โอเคได้ แต่ก็ไม่วาย มีข่าวเม้าธ์และถูกจับตามองในฐานะผู้จัดคนสนิท ลูกนาย มีหลายรูปแบบ บางคนก็ไม่อยากเห็นคนอื่นได้ดี แต่ผมมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา อยู่วงการนี้มานาน เจอข่าวเยอะๆ ก็พอจะเห็นว่าเป็นอย่างไร ถามถึง วิธีการตั้งรับอุปสรรค ผู้จัดมือใหม่แย้ม บอกตรงๆว่าเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอถ้าเกิดจะอยู่ ในวงการนี้ทำงานแบบนี้ ถือเป็นเรื่องธรรมดา เป็นหนึ่งในงานที่เราจะต้องเผชิญ" การทำงานผู้จัดในครั้งนี้ พระเอกหนุ่มยอมรับว่าเหนื่อย เพราะต้องพยายามทำทุกอย่างให้ดี ให้สมกับที่ผู้ใหญ่ไว้วางใจ ถ้า ให้เทียบการทำละครเป็นการศึกษา สะดุดรัก อยู่ชั้นไหน แอนดริวกล่าวว่า ถ้าเป็นชั้นประถมก็เหมือนดูถูกงานตัวเอง จะเทียบเป็นปริญญาเอกก็เหมือนให้เกียรติงานตัวเองเกินไป จะเทียบเป็นการศึกษาในระดับไหนก็แล้วแต่ ผมมีความรู้สึก เหมือนว่าเข้าเรียนวันแรก ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น รู้จักผู้คนมากขึ้น และยังคงต้องเรียนรู้ต่อไปแบบไม่มีวันจบ ทำละคร ก็อยากทำให้ดีที่สุด ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องผลิต ละครปีละเท่านั้นเท่านี้ แต่อยากทำงานที่เป็นศิลปะ ซึ่งผมก็คิด ที่จะเสนอละครเรื่องต่อไปอยู่ ส่วนแนวก็อยากเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งหลายคนมองว่าผมเป็นคนเครียดจะทำละครแนวคอมเมดี้ ได้เหรอ สำหรับผม ผมคิดว่าทำได้ ในคนทุกคนมีหลายมุมใน ตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าจะมีอะไรนำ อะไรน้อยเท่านั้นเอง ส่วนงานแสดง เจ้าตัวยืนยัน ยังไงก็ไม่คิดวางมือ... แฟนๆ สบายใจได้ ประวัติส่วนตัว ชื่อเล่น : แม่เรียก แอนดี้ เพื่อนเรียก ดรูว์ คนส่วนใหญ่เรียก ดริว ชื่อจริง : แอนดริว ชาลี เกร้กสัน วัน/เดือน/ปีเกิด : 1 ก.ย. 2521 บิดามารดา : พ่ออังกฤษ แม่ไทย พี่น้อง : มีพี่ชาย 1 คน ชื่อ เฮนรี่ โรบิน เกร้กสัน" การศึกษา : ชั้นอนุบาลร.ร.สวนดอกไม้ ประถมฯ ร.ร.กันตบุตรพร้อมพงษ์ มัธยมฯ ร.ร.ปทุมคงคา จบปริญญาตรี มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะรัฐศาสตร์ | ||
อ่านข่าวทั้งหมดของ มติชน ได้ที่นี่ |
| |||
|
| | ||
|
| | ||
|
| | |||||||||
|
| |||
|
| |||
|
| |||
|
| |||
|
| |||
|
| |||
|
| |||
|
| |||
|
| |||
|
| |||
|
แอนดริวแสดงได้ดีมาก เล่นเรื่องไหนดูเป็นธรรมชาติและเป็นตัวละครนั้นจริงๆ
ไม่รู้สึกว่าแอนดริวจะเรื่องมาก เราว่ามีสไตล์ดี ชอบบบบบบบบ
ขอบคุณสำหรับรูปค๊าบ
จากคุณ : Belive555 - [ 18 ก.ย. 49 21:46:49 ]
<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<...............................................>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>.
"แอนดริว เกรกสัน" หยิ่ง..เรื่องมาก..ลึกลับจริงหรือ?
(จากทีวีพูล)
ข้อความ : ถ้าจะมีสิ่งใดบ่งบอกความเป็นตัวตนของพระเอกลูกครึ่ง
มาดขรึมที่ชื่อ "แอนดริว เกรกสัน" ได้ก็เห็นจะเป็นเรื่องกระบวนการทาง
ความคิด ซึ่งเจ้าตัวพยายามแสดงออกมาแบบเนื้อๆ เน้นๆ
จนบางครั้งอาจจะดูแข็งกระด้างระคายเคืองหูคนฟังไปบ้าง
ก็สุดแท้แต่ใครจะมองผ่านมุมไหน
แต่อย่างไรเสีย ทุกสิ่งทุกอย่างเจ้าตัวเขาบอกว่า มันมาจากใจจริงทั้งนั้น
...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพูดจาตรงไปตรงมา
กระทั่งการทำตัวลึกลึบซับซ้อน...รักสันโดษ...
แม้บางครั้งตัวตนตรงนี้อาจจะ ถูกแปรเจตนาไปว่า
"แอนดริว" วางมาดหยิ่งผยอง...มีพฤติกรรมที่บ่งบอกว่า
เป็นคนเรื่องมาก...
แต่เจ้าตัวเขาก็บอกอีกว่า ไม่มีเจตนาให้ใครคิดอย่างนั้น
แต่จะเจตนาหรือไม่อย่างไร เราลองมาวิเคราะห์ผ่าน
บทสัมภาษณ์ของเจ้าตัวเขาดีกว่า
- ชีวิตช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง
"ไม่ค่อยจะมีอะไรที่เป็นพิเศษครับ ช่วงนี้ชีวิตก็คือการทำงาน"
- รับละครทั้งหมดกี่เรื่อง
"ตอนนี้ที่รับไว้แล้วมีสองเรื่อง คือ "12 ราศี" ของพี่อ๊อฟ
แล้วก็ "มือปืนพ่อลูกติด" ของพี่ต้อ นอกนั้นก็มีติดต่อเข้ามาบ้าง
แต่ก็เป็นการพูดคุยกันคร่าวๆ ผมยังไม่บอกแล้วกัน เอาเป็นว่าเมื่อถึง
เวลาเปิดกล้องเจอกันตอนนั้นน่าจะเป็นอะไรที่ชัวร์กว่า
ถ้าบอกไปเดี๋ยวเกิดไม่ได้เล่นขึ้นมา จะกลายเป็นว่าผมโม้
ผมว่าตอนนี้ผู้จัดฯ ที่เขาอยากให้ผมไปร่วมงานด้วย
เขาก็คงรู้ว่าผมกำลังทำงานเรื่องอะไรอยู่ และเขาก็คงรู้
ว่าละครเรื่องนี้จะถ่ายจบเมื่อไหร่ ถึงได้ติดต่อผมมา"
- เหตุผลที่รับเล่น 12 ราศี
"ละครเรื่องนี้พี่อ๊อฟเขาคิดไว้นานแล้ว แต่มันคงยาก
เพราะเป็นเรื่องพล็อต เขาคิดเอง ตัวเขาเองก็ต้องทำงาน
อย่างอื่นด้วย เรื่องนี้เขาติดต่อผมตั้งแต่สมัยที่เขายังไม่ได้ทำเลย
คือเขาจะเล่าให้ฟังมาตลอด เราก็จะรู้พล็อตเรื่องมาตลอดเช่นกัน
คือเขาเล่าเยอะ เพราะเขามีพล็อตเรื่องในหัวเยอะมาก
ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว มีเรื่องอื่นๆด้วย
พอสรุปว่าเขาจะทำเรื่องนี้ เขาก็บอกให้ผมไปคิดมา
ว่าอ่านพล็อตเรื่องแล้วรู้สึกอะไร ยังไง เกิดว่าบางที
มันน่าจะเป็นอย่างนี้นะ ผมก็จะบอกเขาไปว่า ไม่ดีนะ
น่าจะเป็นอย่างนี้มากกว่า หรือบางอย่างถ้าดีแล้ว
ผมก็จะบอกไปว่าก็ดีเหมือนกัน ก็คุยๆกันครับ เขามาเล่าให้ฟัง
ไม่ได้ซีเรียสนะ หมายถึงแบบไปเจอกัน กินข้าวกัน
พี่คิดอย่างนี้ออก มีอย่างนี้นะ ผมก็จะช่วยเสริมว่า
พี่อย่างนี้ต่อสิ เป็นอันนี้ไป คุยกันสนุกๆ แต่ว่ามันเป็นงาน
มันได้เรื่องสำหรับเขา เพราะเขาเป็นคนที่มีวัตถุดิบเยอะ
เขาก็จะเล่าให้เราฟัง บางอย่างเราชอบ บางอย่างเราไม่ชอบ
ถ้าเราไม่ชอบ เราก็จะบอกไปว่าไม่ชอบ ก็เหมือนคุยกันสนุกๆ"
- สำหรับเรื่องนี้ ได้แสดงความเห็นอะไรไปบ้าง
"คุยกันตลอดล่ะครับ ทุกคนเขาก็คุย เฮ้ย!...พี่ทำไมไม่เป็นอย่างนี้ๆล่ะ
ผมก็ได้ยินเขาคุยกัน เป็นเรื่องปกติ"
- แล้ว "พี่อ๊อฟ-่พงษ์พัฒน์" ให้แนวคิดอย่างไรมาบ้าง
"ปกติพี่อ๊อฟเขาก็มีความคิดเกี่ยวกับตัวละครหรือว่างานอะไร
ของเขาอยู่แล้ว ครับ พอได้ร่วมงานกับเขา ผมก็รู้สึกดี
เพราะปกติก็ได้แต่ปรึกษา แต่ไม่เคยได้ร่วมงานกัน
นี่ได้มาร่วมงานกันในฐานะที่เขาเป็นผู้กำกับฯ ก็รู้สึกดีครับ
เพราะพี่อ๊อฟเป็นคนทำงานแล้วทำจริงๆ"
- บทที่ได้รีบฉีกไปจากเรื่องที่เคยรับมาไหม
"ละครแต่ละเรื่องไม่เหมือนกันอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะใส่อะไรเพิ่ม
มันเป็นเรื่องที่เราจะต้องคุยกับผู้กำกับฯ ของแต่ละเรื่องอีกทีหนึ่ง
เผื่อเขามีภาพอะไรออกมาใหม่ๆ หรือตัวนี้ออกมาแบบนี้ดีไหม
นั่นเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันครับ"
- ชอบแนวนี้ไหม
"ไม่รู้ บางทีเราอาจจะชอบก็ได้ แต่เราไม่รู้ตัว แต่พี่อ๊อฟเขาชอบ
แนวนี้ด้วยมั้งครับ"
- พล็อตเรื่องเป็นยังไงบ้าง เล่าให้ฟังหน่อย
" ไม่รู้ครับ ละครเขาเป็นละครพล็อต และตอนที่เขาตัดสินใจทำ
เขายังพล็อตไม่เสร็จ แต่เขามีโครงเรื่องคร่าวๆไว้แล้วแค่นั้น
ซึ่งถ้าเกิดเขาคิดอะไรออก แล้วมันดีกว่าที่เขามีอยู่ เขาก็อาจ
จะเปลี่ยนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นมันก็จะเป็นอะไรคร่าวๆ เท่านั้น
ทีมงานส่วนใหญ่เคยเจอกันมาแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร"
- ได้ข่าวมาว่าละครเรื่องนี้มีฉากแอ็คชั่นเยอะมากใช่ไหม
" ครับ แต่ก็สนุกดีครับ และก็มีบ้างที่เหนื่อย ละครทุกเรื่อง
มันก็คล้ายๆ กันนะครับ"
- แล้วมีฉากที่เสี่ยงอันตรายไหม
" อันไหนที่มันเสี่ยงมากๆ พี่อ๊อฟเขาก็ไม่ให้เล่น อันไหนที่เรา
ทำได้ เราก็บอกเขาไปว่าทำได้ อันไหนที่เราทำไม่ได้ เราก็บอกพี่
ผมทำไม่ไหวหรอก แต่ถ้าจะให้ผมลองดูก่อนก็ได้นะ ผมยินดี
แต่คือพี่อ๊อฟเขาก็จะเอาเซฟไว้ก่อน เพราะไม่มีประโยชน์ที่
จะไปเสี่ยง ผมว่าคำว่านักแสดงทุกคนอยากเล่นเองทั้งนั้น
แต่โตแล้วต้องมีลิมิต ไม่ใช่เป็นเด็กๆ คึกคะนอง โดยไม่คำนึง
ถึงความปลอดภัยของตัวเอง เราต้องรู้ว่าอะไรทำได้ หรือไม่ได้
ไม่ได้ก็บอกเขาไปเลยว่าไม่ได้ อย่าไปเสี่ยง จะทำให้งานเขาล่าช้า
ไปเปล่าๆ เกิดเราเป็นอะไรขึ้นมา"
- มีแอ็คชั่นผิดคิวบ้างไหม
" มีนิดๆ หน่อยๆ ครับ บางสถานที่มันมีเหล็ก มีแง่ มีมุมเยอะ
โดนกันหลายคน ผมก็มีโดนบ้าง แต่ไม่มีอะไรร้ายแรง
ก็เห็นมีบางคนร้ายแรงเหมือนกัน ไม่รู้พี่อ๊อฟจะให้เล่าหรือเปล่า.
..ต้องถามเขาเอง เผื่อเขาไม่ให้เล่า เป็นสตั้นแมน"
- แฟนๆ จะติดภาพ"แอนดริว" รับแต่บทสนุกๆ
" มันไม่ใช่ตลกที่ผม ตลกโดยเหตุการณ์มากกว่า
หรือไม่ละครไทยช่วงนี้ก็มีแต่แนวนี้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร
เหมือนกัน แต่ผมก็มีละครเครียดเหมือนกันนะ พี่ไม่ได้ดูใช่ไหม
ได้ดูแต่ละครตลกสิ"
- สำหรับ "มือปืนพ่อลูกติด" แบ่งคิวอย่างไรไม่ให้ชนกัน
(จริงๆอยากจะข้ามคำถามนี้เลยนะ เพราะมันเป็นอดีตไปแล้ว
แต่ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว เอาเถอะนะ)
" เรื่องนี้ จ-อ-พ ส่วนของพี่ต้อก็ขอเขาอ่านบท
บอกเขาว่าถ้าเกิดผมไม่ได้อ่านบทก่อนแล้วเกิดเวลาไปถ่าย
ผมจะไม่มีเวลามาอ่านเลย เพราะว่าถ่ายทีเดียวสองเรื่อง
ก็เลยขอเขาอ่านก่อน แล้วพออ่านเรียบร้อยมันก็จะไม่มีปัญหาอะไร
แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีคิวต้องถ่าย ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเขาไปถ่ายกันหรือยัง"
- มีหลักในการรับงานอย่างไร
" ไม่เคยจำกัดว่าต้องรับทีละเรื่อง ไม่ได้เป็นเรื่องที่แพลนเอาไว้
แต่มันเป็นอย่างนั้นมาเอง ก็ไม่รู้ว่าทำไม"
- ส่วนใหญ่เวลารับงาน ได้ปรึกษาใครบ้าง
" ปกติรับเล่นละคร ผมก็จะปรึกษาพี่อ๊อฟอยู่แล้ว หมายถึงว่าในเรื่องอื่นๆ
ด้วยนะครับ ไม่ใชเฉพาะเรื่องนี้"
- เคยสเป็คไว้ไหมว่าบทไหนอยากเล่นมากที่สุด
" ไม่ได้สเป็คไว้ อะไรน่าสนใจมาก็อันนั้นแหละครับ"
- "แอนดริว" เรื่องมากไหม (คำถามนี้น่าเบื่อสุดๆ)
" ผมไม่รู้ว่าเรื่องมากของแต่ละคนคือแค่ไหน ผมว่ามันไม่เท่ากัน
แล้วแต่คน แต่ผมคิดว่าผมไม่ ผมก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ต้น
เมื่อก่อนสมัยที่ผมให้พี่คนหนึ่งดูคิวให้ ผมจำได้ว่าเขาก็ถูกต่อว่าๆ
เรื่องมาก แต่ผมพอใจวิธีการดูแลของเขา เราก็ดูมาว่าเขาต้อง
ดูแลอะไรเราบ้าง เราก็นำมาดูแลตัวเอง ทุกคนก็ต้องดูแลตัวเอง
ไม่มีใครไม่ดูแลตัวเองหรอก เป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ต้องทำ"
- มีคนบอก "แอนดริว" หยิ่ง ชอบทำตัวลึกลับ
" ต้องถามพวกพี่สิ ถามผมว่าตัวเองเป็นคนยังไง ใครก็ต้องบอกว่า
(ตัวเอง) เป็นคนดี เพราะฉะนั้นอย่าถามผมเลย ผมไม่พูดเข้าข้าง
ตัวเองหรอก ไปถามคนรอบข้าง ถามคนอื่น มันจะได้ความจริง
ส่วนที่เขาว่าผมมีโลกส่วนตัวสูง อันนี้ก็แล้วแต่คนจะเชื่อหรือไม่
พี่ก็รู้จักผม พี่ก็ถามตัวเองดูสิ ผมเป็นคนประเภทเวลาทำงานก็ทำงาน
ไม่รู้สินะ ไม่เป็นไรหรอก แล้วแต่จะคิด ไม่อยากมาแจกแจงให้ใครฟัง
มันเป็นเรื่องในกองถ่าย แฟนๆ เขาก็ดูแต่งาน งานไม่ดีเขาก็ว่า
เขาพูดดีก็ดี เขาพูดไม่ดี ก็ไม่ดี"
- พูดถึงข้อดี-ข้อเสียของตัวเอง
" เพอร์เฟ็คท์ ๆ ไม่รู้สิ พี่มากองถ่ายน่าจะเห็นว่าผมทำงานอย่างเดียว
ผมแทบไม่คุยกับใครเลย แต่นอกเวลาอีกเรื่องหนึ่ง อย่างพวกรุ่นใหญ่ ๆ
เขาจะคุยอะไรกันได้ เพราะว่าเขาเล่นมาขนาดไหนแล้ว เขาเก่งแล้ว
สำหรับเราก็อย่างที่บอก ยังไม่รอดเลย ผมทำงานก็ต้องใช้สมาธิ
เห็นใจกันบ้างเถอะครับ วันหนึ่งถ่าย 20-30 ฉาก จะให้ผมมานั่งคุย
ผมทำไม่ได้หรอก
ผมพูดไม่เก่ง (..พูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ... อันนี้แซวเล่นนะ
เพลงของ ab normal ไง) บางทีคุยกัน พี่ๆ สื่อมวลชนเข้าใจผม
ก็ไปลงตามนั้น แต่คนอื่นเขาอ่านแล้วเขาอาจจะไม่เข้าใจ
ไม่เคลียร์ เพราะบางทีคำพูดเป็นตัวหนังสือมันไม่กระจ่าง
เหมือนกับมาคุยกันอย่างนี้
กลายเป็นว่าผมพูดอะไรก็กลัวไปหมด ว่าจะถูกไหม ใช่หรือเปล่า
ผมพูดไม่เก่งนะ กลายเป็นผมซวยไป...ใช่ไหม สรุปก็คือใครจ้างผมก็ไป
และก็ต้องรับผมให้ได้ ว่าผมเป็นคนพูดไม่เก่งครับ"
....มนุษย์ซุกซ่อนความน่ามหัศจรรย์ไว้ให้ค้นหา นั่นคือความคิด...
.เมื่อไหร่ที่คุณเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์....คุณก็จะเข้า ใจเองว่า
ผู้ชายคนนี้เขามิได้เป็นผู้วิเศษ (...ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ ที่จะเสก
ประสาทงามให้เธอ ไม่มีฤทธิ์เดช....
อันเขียนเอง ไม่มีในสัมภาษณ์นะ อย่าเข้าใจผิด...อิอิ)
หรือเป็นคนผิดปกติแต่อย่างใด เพียงแต่เขากำลังแสดงความ
เป็นตัวตนของเขา
และคิดแบบเป็นตัวของตัวเอง...อย่างที่น่าจะยกย่องต่างหากล่ะ!!!
(...เห็นด้วยไหม...)
......................>>>>>>>>>>>>>>>........................<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<,,
มีปัญหากับ "อ๊อฟ" จริง "แอนดริว" โต้เคลียร์แล้ว |
ที่มา : คม ชัด ลึก ภาพประกอบ : คม ชัด ลึก |
1 ความคิดเห็น:
เพื่อนสนิทเล่าให้ฟังว่า.. เขาไปเที่ยวกับแฟนแถวหัวหินเมื่อหลายปีก่อน แล้วไปนั่งกินร้านส้มตำ-ไก่ย่างริมถนน (ถนนที่มีซอยตรงไปลงทะเลได้แห่งนึง!) เห็น"แอนดริว"เดินมากับสาวคนหนึ่ง ออกมาจากรีสอร์ทหรือบ้านพักริมทะเล (เวลาประมาณบ่ายโมง)
เขาก็มองจากที่นั่งกินส้มตำออกไปเจอพอดี (ห่างไม่เกิน 100 เมตร) แอนดริวก็มองตรงมาพอดี!! ก็เลยโดนแอนดริวแจกกล้วยว่า.. "มอง ค_ว อะไรล่ะ!! แถมพูดซ้ำ 2 รอบ!! (เหมือนจะให้ "เรียนริมฝีปาก" เอาเองว่า กูพูดว่าอะไร!!)
ซึ่งเพื่อนก็งงหนักมาก..ทั้งที่ไม่ได้มองนาน แค่ไม่เกิน 1 วินาทีเท่านั้น!! เขาเลยพูดกับแฟนว่าเสียความรู้สึก! เคยติดตามผลงานมาแต่เด็ก (ตอนนั้นเพื่อนผมอายุก็เลยเลข 4 เข้าไปแล้ว!!) ใครช่วยบอกทีว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่..!!??
แสดงความคิดเห็น